วันอาทิตย์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ของดีเมืองชัยภุมิ

อาหาร - รวมสินค้าอาหาร ชัยภูมิ
อำเภอ ชื่อผลิตภัณฑ์ ชื่อผู้ประกอบการ ประเภทผลิตภัณฑ์ ที่อยู่ โทรศัพท์
บำเหน็จณรงค์ นำผึ้งเเท้คัดพิเศษตราภูมิผึ้ง นางสาว ลัดดา  ตั้งรัตนะ อาหาร 266 ม.15 ต.บ้านชวน อ.บำเหน็จณรงค์ จ.ชัยภูมิ 0819840404
บำเหน็จณรงค์ น้ำผึ้งแืท้เกสรดอกลำใยตราลัดดา ร้านลัดดา อาหาร 266 ม.15 ต.บ้านชวน อ.บำเหน็จณรงค์ จ.ชัยภูมิ 0898452311
เมืองชัยภูมิ หม่ำหมู ร้านหม่ำนัดพบ อาหาร 147/2 ม.6 ถนนชัยภูมิ-สีคิ้ว ต.ในเมือง อ.เมืองชัยภูมิ จ.ชัยภูมิ 044836467
0815932923
คอนสวรรค์ หม่ำแม่ลำยูร หม่ำแม่ลำยูร ฐานวิสัย อาหาร 46/8 ม.5 ต.ช่องสามหมอ อ.คอนสวรรค์ จ.ชัยภูมิ 0878308288
แก้งคร้อ ข้าวกล้องเพาะงอก ข้าวอารมณ์ดี อาหาร 299 ม.1 ต.หนองไผ่ อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ 0862437618
เนินสง่า ไข่เค็มพอกดินสอพอง กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรตาเนิน อาหาร 3/2 ม.12 ต.ตาเนิน อ.เนินสง่า จ.ชัยภูมิ 0448466040
เมืองชัยภูมิ ข้าวกล้อง วิสาหกิจชุมชนบุ่งคล้าการเกษตร อาหาร 354 ม.3 ต.บุ่งคล้า อ.เมืองชัยภูมิ จ.ชัยภูมิ 089-5201636
เมืองชัยภูมิ หม่ำหมู ร้านหม่ำนายยอด อาหาร 115 ม.1 ถนนชัยภูมิ-สีคิ้ว ต.ในเมือง อ.เมืองชัยภูมิ จ.ชัยภูมิ 0850248920
เมืองชัยภูมิ หม่ำหมู ร้านหม่ำ พญาแล อาหาร 217/1 ม.2 ซอยขี้เหล็กใหญ่ ถนนชัยภูมิ-นครสวรรค์ ต.รอบเมือง อ.เมืองชัยภูมิ จ.ชัยภูมิ 0810752607
เมืองชัยภูมิ หม่ำเนื้อ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนช่อระกาพัฒนาอาชีพ อาหาร 9 ม.18 ต.นาฝาย อ.เมืองชัยภูมิ จ.ชัยภูมิ 0878797799
เมืองชัยภูมิ หม่ำเนื้อ ร้านหม่ำมงคล อาหาร 350/4 ถนนอนันตกูล ต.ในเมือง อ.เมืองชัยภูมิ จ.ชัยภูมิ 0896258070
เมืองชัยภูมิ ไส้กรอกอีสานหมู ร้านหม่ำแม่ลำดวน อาหาร 235 ม.6 ซอยห้าแยกโนนไฮ ถนนชัยภูมิ-สีคิว ต.ในเมือง อ.เมืองชัยภูมิ จ.ชัยภูมิ 0810752607
บ้านเขว้า กล้วยทอดกรอบ กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรบ้านหนองบ่อ อาหาร 205 ม.6 ต.โนนแดง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ 044839435
เกษตรสมบูรณ์ หม่ำยายขำ หม่ำ(นายสกุล  คงโนนกอก อาหาร 24 ม.2 ต.บ้านบัว อ.เกษตรสมบูรณ์ จ.ชัยภูมิ 0804881400
เกษตรสมบูรณ์ หม่ำเนื้อวัว ร้านหม่ำอนามัย อาหาร 120 ม.1 ต.บ้านบัว อ.เกษตรสมบูรณ์ จ.ชัยภูมิ 0801908639
เกษตรสมบูรณ์ หม่ำหมู หม่ำแซบ 3 อ. อาหาร 29 ม.2 ซอย2 ต.บ้านบัว อ.เกษตรสมบูรณ์ จ.ชัยภูมิ 0872614861
เกษตรสมบูรณ์ หม่ำเนื้อ ร้านตระกูลหม่ำ อาหาร 90 ม.4 ต.บ้านบัว อ.เกษตรสมบูรณ์ จ.ชัยภูมิ 0852068556
จัตุรัส ปลาส้มไร้ก้าง ร้านของฝากดอนละนาม อาหาร 55 ม.11 ต.ละหาน อ.จัตุรัส จ.ชัยภูมิ 081-8778397
จัตุรัส ขนมทองม้วน กลุ่มอาหารแปรรูป (ขนมทองม้วน "กัลยา") อาหาร 77-79 ม.2 ต.บ้านกอก อ.จัตุรัส จ.ชัยภูมิ 044-851709
บำเหน็จณรงค์ เส้นหมี่พร้อมน้ำผัดตราณิศรา ห้างหุ้นส่วนจำกัด ณิศรา นำเจริญ อาหาร 2 ม.17 ซอยสุขาภิบาล 6 ถนนรุ่งเรืองศรี ต.บ้านเพชร อ.บำเหน็จณรงค์ จ.ชัยภูมิ 044859086
บำเหน็จณรงค์ กระยาสารท กลุ่มแม้บ้านเกษตรกร อาหาร 58/2 ม.11 ต.หัวทะเล อ.บำเหน็จณรงค์ จ.ชัยภูมิ 0854940724
ภูเขียว หม่ำเนื้อ หม่ำแม่คำตัน อาหาร 283 ม.2 ต.ผักปัง อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ 089-4241395
ภักดีชุมพล มะขามหวานศรีภักดี กลุ่มจำหน่ายมะขามหวานบ้านซับประสิทธิ์ อาหาร 20 ม.7 ต.เจาทอง อ.ภักดีชุมพล จ.ชัยภูมิ 0807231825
เกษตรสมบูรณ์ หม่ำเนื้อ ร้านหม่ำตาเวท อาหาร 142 ม.99 ต.บ้านบัว อ.เกษตรสมบูรณ์ จ.ชัยภูมิ 044869944
เกษตรสมบูรณ์ หม่ำแม่อ้น (หมู) หม่ำแม่อ้น อาหาร 73 ม.1 ถนนเกษตรฯ-หนองบัวแดง ต.บ้านบัว อ.เกษตรสมบูรณ์ จ.ชัยภูมิ 0801600327
เกษตรสมบูรณ์ หม่ำแม่ครู (หม่ำหมู) หม่ำแม่ครู อาหาร 138 ม.1 ต.บ้านบัว อ.เกษตรสมบูรณ์ จ.ชัยภูมิ 0860938623
บ้านแท่น ส้มโอ กลุ่มผู้ปลูกไม้ผลบ้านหลุบค่าย อาหาร 27 ม.1 ต.สามสวน อ.บ้านแท่น จ.ชัยภูมิ 0807204415
จัตุรัส พริกแห้ง กลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลุ่มปลูกพริกปลอดภัยจากสารพิษ อาหาร 141/1 ม.2 ต.หนองบัวใหญ่ อ.จัตุรัส จ.ชัยภูมิ 080-7378503
เนินสง่า ถั่วตัดนักสู้เนินทอง กลุ่มขนมนักสู้เนินทอง อาหาร 62/3 ม.10 ต.ตาเนิน อ.เนินสง่า จ.ชัยภูมิ 087960055
เทพสถิต ถั่วทอดสมุนไพร กลุ่มอาหารแปรรูปถั่วทอดสมุนไพรบ้านวังใหม่พัฒนา อาหาร 94 ม.8 ต.บ้านไร่ อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ 0862556902
แก้งคร้อ ขนมดอกจอก กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรทำขนมบ้านหลุบคา อาหาร 84 ม.1 ต.หลุบคา อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ 0892868111
เทพสถิต มะพร้าวแก้ว กลุ่มใส้เมี่ยงสมุนไพร อาหาร 672 ม.1 ต.นายางกลัก อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ 0883485198
เทพสถิต ขนมทองม้วน ทองพับ กลุ่มผลิตภัณฑ์นางเล็ด อาหาร 810 ม.1 ต.นายางกลัก อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ 0813605855
สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง :

หนาวที่นี้ชัยภูมิ

ชัยภูมิต้นหนาว เรื่องราวน่ารู้ ณ แดนอีสาน


ชัยภูมิตั้งอยู่บนแผ่นดินอีสาน อยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 342กิโลเมตร ห่างโคราช 120 กิโลเมตร นักเดินทางส่วนหนึ่งรู้ว่าชัยภูมิมีแหล่งท่องเที่ยวสำคัญอยู่หลายแห่ง ส่วนนักท่องที่ยวที่ไม่ซึมซับอีสาน หรือไม่ใยดีเมืองขนาดกลางแห่งนี้นึกไม่ออกว่าเมืองชัยภูมิมีอะไรให้ติดตาม


เรื่องเริ่มหรือเริ่มเรื่อง ต้องเริ่มจากที่ตั้งของเมือง ไม่น่าเชื่อว่าเมืองชัยภูมิถูกโอบกอดด้วยขุนเขา หากอยู่ในตึกสูงใจกลางเมืองจะพบว่ามีเขาล้อมเมือง มองไปทางไหนเห็นแต่ภูเขา ด้วยเหตุนี้ชัยภูมิจึงเต็มไปด้วยสายลม สายน้ำ สายหมอก สายธาร มีแหล่งท่องเที่ยวกระจายอยู่ทั่วทุกทิศ อาทิ น้ำตกตาดโตน มอหินขาว ทุ่งกระเจียว อุทยานแห่งชาติไทรทอง อุทยานแห่งชาติภูแลนคา ป่าเทพสถิต และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว

น้ำตกตาดโตนเป็นน้ำตกขนาดใหญ่มีน้ำรินไหลตลอดปี ช่วงที่ดีที่สุดคือช่วงนี้ (ปลายตุลาคม-ต้นพฤศจิกายน) ช่วงนี้เป็นช่วงต้นหนาว น้ำยังเต็มปริ่ม ใสสะอาด ภายในบริเวณน้ำตกตาดโตนร่มรื่นไปด้วยพันธุ์ไม้น้อยใหญ่ มีไม้ทุกชนิด เริ่มตั้งแต่ไม้พุ่มไม้คลุมดิน ไม้ยืนต้น ไม้อิงอาศัย เฟิร์น และกล้วยไม้

อุทยานแห่งชาติไทรทอง อุทยานฯ แห่งนี้มีน้ำใสไหลริน มีผีเสื้อหลากสายพันธุ์ มีความสูงพอให้เหน็บหนาว มีความเป็นป่าอีสานชัดเจน ขณะเดินเท้ามาบนไหล่เขามองเห็นพื้นที่ราบต่ำอยู่ไกลออกไป ตามริมผาเกิดเป็นจุดชมวิวหลายจุด จุดที่มีชื่อเสียงและกลายเป็นจุดแวะพักยอดนิยมคือ “ผาหำหด” หดเพราะความเย็นจากไอชื้นและแรงลมนั่นเอง

จากริมผาบ่ายหน้าเข้ากลางขุนเขา ถ้ามาหน้าฝนจะพบว่าอุทยานฯ ไทรทองมีดอกกระเจียวเบ่งบานเต็มไปหมด มันผุดพรายบนผืนดินชุ่มถึงสี่ทุ่ง แต่ละทุ่งมีกระเจียวต่างพันธุ์ ต่างสวย ต่างสี ต่างมีความงามที่น่าสัมผัสเช่นกัน

ตั๊กแตน เป็นอีกหนึ่งชีวิตในผืนป่าไทรทอง พบเห็นได้ง่ายตามชายป่า เป็นสัตว์ที่อยู่ในระบบนิเวศน์ช่วยควบคุมพืชไม่ให้เจริญเติบโตเร็วเกินไป การที่พวกมันกัดกินพืชจึงไม่ใช่สิ่งที่เลวร้ายอย่างที่มนุษย์คิดเสมอไป มุมดีของแมลงมักถูกลืม เหมือนนักดนตรีบางคนยืนโซโลกีต้าร์อยู่ในมุมมืด ปล่อยให้เพื่อนๆ ด้านหน้าเวทีโลดแล่นไป

แมลงทับกับหยาดน้ำค้าง ความงามในไพรป่า ความงามที่ต้องคอยมองหา ต้องพึ่งพาการสังเกตุ หากเดินดุ่มๆ ไม่ได้ใส่ใจอะไรอาจไม่คุ้มค่าต่อการไปเยือนผืนป่าไทรทอง

มอหินขาว อยู่ไม่ไกลจากตัวน้ำตกตาดโตนมากนัก เส้นทางไปมอหินขาวเป็นทางขึ้นเขา ผ่านหมูบ้านขนาดเล็ก ผ่านป่าโปร่ง เป็นเส้นทางสายแคบที่น่ามอง มองเห็นบ้านของเกษตรกรเรียงรายอยู่ตามเชิงเขา มองเห็นวิถีที่เป็นไป วิถีดังกล่าวต่างจากคนเมืองใหญ่โดยสิ้นเชิง คนเมืองบางคนอาจไม่รู้วิถีที่แท้จริง โปรดอย่าเอาอะไรไปใส่กบาลเขาจนมึนงง (เขาจะทำตัวไม่ถูกในที่สุด)

มอหินขาว ชื่อนี้มีที่มา มาจาก “มอ”+ “หินขาว” มอ=ที่สูง หินขาว=แท่งหิน รวมกันแล้วหมายถึงแท่งหินขาวบนเขา สิ่งที่น่าอัศจรรย์ใจสำหรับสถานที่นี้คือแท่งหินสูงใหญ่ ยืนทะนงถ้าลมฝนมานานกว่า 175 ล้านปี
หินขาวถูกสายลมกับเม็ดฝนกัดกินจนผิวกร่อน ก่อเกิดเป็นร่องรอยอันงดงามตามผิวชั้นนอก ความสูงใหญ่ของก้อนหินสอดรับกับแสงแดดยามเย็น มันดูน่าเกรงขาม บางคนอาจนึกเตลิดไปถึงสโตนเฮนจ์บนเกาะอังกฤษ

ผมชอบมอหินขาวช่วงต้นหนาว อากาศเย็นเยียบ ไม่ถึงกับหนาวมาก สะท้านบ้างบางเวลาหากมีลมแรงพัดพาไอเย็นมาสัมผัสผิวเนื้อ ที่ชอบฤดูนี้เพราะรอบๆ มอหินขาวมีดอกหญ้าชูช่อล้อลมโอนเอนไปมาราวเริงระบำ ต้นสาบแร้งสาบกาไม่ยอมน้อยหน้าส่งดอกสีม่วงขนาดเล็กมาอวดโฉม นอกจากนั้นยังมีไม้งามขนาดเล็กอีกหลายสายพันธุ์หลบซ่อนอยู่เงียบๆ (ได้ข่าวว่าผู้บริหารหรือผู้ดูแลที่นี่จะสั่งทิวลิปมาปลูก เห็นว่าไม่ควร ดอกไม้พันธุ์ไม้ที่รายล้อมเหมาะสมกันดีอยู่แล้ว ที่สำคัญมันอยู่ร่วมกันมานานนม นึกไม่ออกว่าทิวลิปกับมอหินขาวจะเข้ากันได้อย่างไร)

นอกจากความงามในแหล่งธรรมชาติตามที่ได้กล่าว สิ่งที่น่าสนใจอีกด้านหนึ่งคือวัฒนธรรมประเพณี ชัยภูมิเหมือนเมืองอื่นๆ มีวันสำคัญตามม่านประเพณี แต่ที่แปลกไปกว่าคือเทศกาลงานออกพรรษาที่อำเภอหนองบัวแดงมี “งานประเพณีบุญแห่กระธูป” ประเพณีที่ไม่ปรากฏในถิ่นอื่น (แล้ว) ปัจจุบันงานนี้มีที่ชัยภูมิที่เดียวเท่านั้น

งานประเพณีแห่กระธูปในปัจจุบันมีการปรับเปลี่ยนหน้าตาไปมาก จากเดิมชาวบ้านใช้ขุยกาบมะพร้าว ใบอ้ม ใบเนียม บดรวมกัน นำมาเป็นเนื้อธูป (มีกลิ่นหอม) พันตกแต่งด้วยกระดาษสี นิยมทำเป็นลายไทยอีสาน แล้วนำไปมัดหรือเย็บติดกับดาวที่สานจากใบลาน นำไปร้อยเข้ากับปลายไม้ไผ่คล้ายปลายเป็ด สุดท้ายนำไม้ไผ่นี้ไปเสียบกับต้นไผ่อีกทีหนึ่ง (ดูเก้งก้างแต่น่ารักดี)

แต่เดิมทำต้นกระธูปเล็กบ้างใหญ่บ้าง ทำกันทุกครอบครัว ถึงวันออกพรรษานำไปปักที่วัด จุดธูป ธูปส่งกลิ่นหอม หอมขึ้นไปถึงสรวงสวรรค์ นัยว่าทำเพื่อรับองค์สัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จลงมาจากดาวดึงส์ ใต้ต้นกระธูปใช้ลูกดุมกาผ่าสองซีก ใส่น้ำมันหอม เช่น น้ำมันงาลงไป ควั่นด้ายเป็นรูปตีนกา จุดไฟให้สว่างไสวใต้ต้นกระธูป

ปัจจุบันต้นกระธูปใช้ธูปสำเร็จมัดธูปสามดอกรวมกันเป็นหนึ่ง มีการดีไซน์ให้ใหญ่ขึ้น โตขึ้น มีสีสันมากขึ้น การจัดการประกวดต้นกระธูปของแต่ละตำบลมีการร่วมแรงร่วมใจของคนในชุนชน ไม่ว่าจะเด็กหรือเฒ่าชราล้วนออกมาช่วยกัน ช่วยด้วยแรง ช่วยด้วยใจ ช่วยด้วยรอยยิ้ม งานบุญใหญ่อย่างนี้ไม่ใครปฏิเสธครับ

ลีลาเริงระบำรำฟ้อนกลางแดดระอุช่วยผ่อนคลายให้ใจเย็นกายเย็น เห็นความร้อนเป็นเพียงของเล่น ความอ่อนช้อยของนางรำคือของจริง งามจริงแม่หญิงงาม งามตามต้นกระธูปในวันออกพรรษา

ผู้แสวงบุญ ผู้รักความเงียบสงบ รักการปฏิบัติสมาธิ อาจหลงใหลไออุ่นของอรุณธรรมสถาน สถานที่ปฏิบัติธรรมบนยอดเขา ไม่น่าเชื่อบนนี้มีเพียงเสียงนก เสียงลม เสียงฟ้าเท่านั้นที่สอดแทรกเสียงบทสวด

ณ อรุณธรรมสถาน เรามองเห็นทัศนียภาพขุนเขาได้รอบกาย ห่างออกไปไม่ไกลมีอ่างเก็บน้ำขนาดเล็กทอดตัวอยู่ในหุบเหวเบื้องล่าง นอกจากพระธรรมชำระใจ ทัศนียภาพธรรมชาติยังช่วยชำระด้วย (ชำระอีกทางหนึ่ง)


กี่ทอผ้าที่แม่กับป้าใช้มือเกี่ยวกระตุกทุกเมื่อเชื่อวันเปลี่ยนผันเป็น ผ้าหลากหลายลวดลาย บ้างผืนเล็ก บ้างผืนใหญ่แล้วแต่กำหนด ผ้าขาวม้าเป็นผ้าชนิดหนึ่งที่นิยมชมชอบกันมานาน ใช้ประโยชน์ได้สารพัน คนอีสานส่วนหนึ่งนำมาทำเปลสำหรับเด็ก ยามเมื่อเปลผ้าขาวม้าแก่วงไกวเด็กหลับใหลไม่งองแง

นาข้าวเขียวเข้มตกเมล็ดสีทองสุกปลั่งเป็นภาพที่พบเห็นกันโดยทั่วไป นาข้าวต้นเขียวให้ผลผลิตเป็นเมล็ดสีดำพบเห็นไม่ง่ายนัก ชัยภูมิเป็นอีกเมืองหนึ่งที่ผลิตข้าวเหนียวดำออกสู่ตลาด ให้ประชาชนคนในชาติได้อิ่มหนำกันถ้วนหน้า

ความงามตามธรรมชาติที่ได้พบได้เห็นบนแผ่นดินนี้เป็นความงามที่แปรเปลี่ยน ไป ฤดูหนึ่งเป็นแบบหนึ่ง อีกฤดูหนึ่งเป็นอีกแบบหนึ่ง หนาวนี้ถ้าคิดอะไรไม่ออกลองก้าวเท้าไปเยือนชัยภูมิสักครั้ง ถึงตอนนั้นอาจเข้าใจป่าอีสาน ณ ชัยภูมิมากขึ้น
ขอขอบคุณทุกท่านที่สละเวลาเข้ามาเยี่ยมชม

หนาวนี้ที่มอหินขาว

คงมีน้อยคนนักที่จะนึกถึงจ.ชัยภูมิ ในฐานะจุดหมายปลายทางของการท่องเที่ยวภาค อีสาน ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะความกว้างใหญ่ไพศาลของแดนดินถิ่นที่ราบสูงนั้นอุดมไป ด้วยแหล่งอารยธรรม วัฒนธรรม และธรรมชาติเลื่องชื่อมากมายในหลายจังหวัดอยู่แล้ว แม้แต่เราเองก็ยังไม่เคยได้มีโอกาสแวะไปเยี่ยมชมเมืองชัยภูมิมาก่อนเลยสัก ครั้ง ทั้งๆ ที่เราก็เฉี่ยวไปเฉี่ยวมาอยู่ออกจะบ่อย
นั่นอาจเป็นเพราะว่าพรมแดนจ.ชัยภูมินั้นถูกห้อมล้อมด้วยจังหวัดใหญ่อย่าง นครราชสีมาและขอนแก่นจนถูกมองเมินไป ซึ่งในความเป็นจริง จ.ชัยภูมิถือเป็นอีกเมืองหนึ่งที่เราน่าจะศึกษาและทำความรู้จักมากที่สุด นั่นก็เพราะจ.ชัยภูมิ มีพรมแดนติดกับภาคอื่นถึง 2 ภาค คือติดภาคเหนือด้านจ.เพชรบูรณ์ และติดกับภาคกลางด้านจ.ลพบุรี และยังเป็นที่ตั้งของเขื่อนจุฬาภรณ์ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว ทุ่งดอกกระเจียวสวยสดน่ารักทักทายน้ำค้างยามเช้าอันโด่งดัง ไปจนถึงน้ำตกและอุทยานแห่งชาติตาดโตนอันเลื่องชื่อ ทั้งหมดย่อมสะท้อนถึงความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติที่ยังคงอยู่ของจ.ชัยภูมิ ได้เป็นอย่างดี และนั่นคือข้อมูลคร่าวๆ ที่เราได้รับก่อนจะออกเดินทางไปทำความรู้จักกับจ.ชัยภูมิเป็นครั้งแรกร่วม กับก๊วนของเรา เพื่อสัมผัสกับ "" อันซีนอีกแห่งหนึ่งที่ตั้งตระหง่านรอนักท่องเที่ยวเข้าไปชมและไขปริศนาความลึกลับอายุนับล้านปี!
มอหินขาว ในปัจจุบันคือแหล่งท่องเที่ยวสำคัญประจำจ.ชัยภูมิ ตั้งอยู่ภายในเขตอุทยานแห่งชาติภูแลนคา ลักษณะเด่นของมอหินขาวคือเป็นทุ่งหญ้าบนเนินเขา แซมด้วยกลุ่มหินทรายสีขาวขนาดใหญ่โตมโหฬารตั้งเรียงรายดูเด่นสะดุดตามาแต่ ไกล ดูคล้ายสโตนเฮ็นจ์ (Stonehenge) 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์แห่งโลกยุคกลางของประเทศอังกฤษจนถูกยกให้เป็นสโตนเฮนจ์เมือง ไทยไปโดยปริยาย แท่งหินทุกก้อนถูกกาลเวลาสลักเสลาจนทำให้แต่ละก้อนมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกัน ไป มีการประเมินอายุของแท่งหินบนมอหินขาวว่าน่าจะอยู่ระหว่าง 197-175 ล้านปี ถือเป็นเวลานานพอที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสภาพแวดล้อมแปรสารสะสมของ ตะกอนทราย แป้ง และดินเหนียว รวมกับน้ำจนเกิดการตกตะกอนก่อนแปรสภาพเป็นทราย เมื่อเจอกับสภาพอากาศแบบแห้งแล้งกึ่งร้อนชื้นของภาคอีสานตอนกลางทับถมลงบน ตะกอนทรายแป้งและดินเหนียวนานวันเข้า ประจวบเหมาะกับการเคลื่อนไหวของเปลือกโลกทำให้ตะกอนทรายคดโค้ง แตกหัก ผุพังและการกัดเซาะทั้งในแนวตั้งและแนวนอน กลายมาเป็นลักษณะของเสาหินและแท่งหินอย่างที่เห็นในปัจจุบัน
ก่อนที่มอหินขาวจะถูกยกระดับให้กลายมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ อย่างทุกวันนี้ ในอดีตก็เคยเป็นเพียงพื้นที่ป่าและพื้นที่ทำไร่เพาะปลูกของชาวบ้านมานานหลาย ปี โดยที่ชาวบ้านก็ไม่ได้ให้ความสนใจอะไรกับกองแท่งหินทั้งหลาย จนกระทั่งมีเหตุการณ์แปลกประหลาดเกิดขึ้นเมื่อชาวบ้านพากันสังเกตว่ามีแท่ง หินใหญ่ 5 ก้อนส่องแสงสีขาวทุกคืนวันพระ จึงโยกย้ายพื้นที่ทำไร่ออกไป คงเหลือไว้เพียงแต่แท่งหินขนาดใหญ่ ต่อมาก็มีผู้คนหลั่งไหลเข้ามาชมจนกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวไปในที่สุด เมื่อได้มายลด้วยตาตัวเองก็ต้องขอบอกว่าน่าทึ่งไม่น้อย เพราะขนาดแท่งหินที่ใหญ่ที่สุดก็มีขนาดถึง 20 คนโอบ ทุกแท่งตั้งตระหง่านเรียงรายกันไปเป็นระเบียบเหมือนถูกจับวาง ทอดยาวไปกับแนวทุ่งหญ้าเขียวขจี ดูมีมนต์สะกดให้จดจ่ออยู่กับธรรมชาติบนภูแลนคาจนถอนตัวไม่ขึ้นกันเลยทีเดียว
นอกจากมอหินขาวบนภูแลนคาที่น่าชมแล้ว ไม่ไกลกันนักยังมีพื้นที่เพื่อการศึกษาพันธุ์พืชต่างๆ ตามธรรมชาติ รวมถึงและสัตว์ป่าขนาดเล็กที่อาศัยอยู่ในบริเวณนั้น ซึ่งยังคงความอุดมสมบูรณ์อย่างเต็มเปี่ยมเพราะเป็นแหล่งต้นน้ำลำธารภูแลนคา ให้ชาวบ้านทำฝายกั้นน้ำกักเก็บไว้ใช้ในหน้าน้ำแล้งเพื่อการเกษตรและบริโภค อีกด้วย การเดินทางไปเที่ยวชมผามอหินขาวนั้นไม่ถึงกับยากลำบากจนเกินไป แต่อย่าลืมวางแผนก่อนการเดินทางที่อาจมีอุปสรรคเล็กน้อยในช่วงฤดูฝนเนื่อง จากเส้นทางบางจุดยังคงเป็นทางลูกรังอยู่ หากออกจากตัวจังหวัดชัยภูมิ ให้ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 2051 ถนนสายชัยภูมิ-ตาดโตน ระยะทางประมาณ 18 กิโลเมตร จากนั้นเลี้ยวซ้ายก่อนถึงด่านตรวจอุทยานแห่งชาติตาดโตน แล้วมาตามเส้นทางถนนตาดโตน-ท่าหินโงมอีกประมาณ 12 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวซ้ายไปตามถนนแจ้งเจริญ-โสกเชือก ซึ่งเป็นเส้นทางลูกรังระยะทาง 6.5 กิโลเมตรจนถึงบ้านวังคำแคน จากนั้นเลี้ยวขวาตรงบ้านวังคำแคน จะเจอเส้นทางลูกรังสำหรับขนพืชไร่อีกประมาณ 3.5 กิโลเมตร ก็ถึงมอหินขาว รวมระยะทางประมาณ 40 กิโลเมตรจากตัวเมือง สำหรับช่วงฤดูฝนควรใช้รถยนต์ประเภทรถกระบะหรือรถขับเคลื่อนสี่ล้อ เพื่อความเหมาะสมกับเส้นทาง ใครที่อยากพักค้างแรมแบบสัมผัสธรรมชาติบนภูแลนคาอย่างใกล้ชิด ก็มีลานกางเต็นท์ใกล้กับอาคารหน่วยพิทักษ์ฯ ไว้บริการพร้อมกับมีเต็นท์ให้เช่าราคา 100 บาท/คืนสำหรับ 2 ท่าน หรือหากนำเตนท์และสัมภาระมาเองก็จะเสียค่าใช้บริการพื้นที่อีกนิดหน่อย ซึ่งหากพักกางเตนท์บริเวณนี้ ก็ยังสามารถเที่ยมชมวิวและธรรมชาติบนภูที่ยังมีอยู่อีกหลากหลาย อาทิ หินเจดีย์โขลงช้าง ลานหินต้นไทร สวนหินล้านปี และจุดชมวิวผาหัวนาค ซึ่งสามารถเดินเท้าได้ในระยะทางเพียง 2 กิโลเมตรเศษๆ
หากตั้งใจไว้ว่าจะขอมาสัมผัสความหัศจรรย์ของมอหินขาว เราขอแนะนำช่วงราวเดือนธค.-มค.ของทุกปี แน่นอนว่านอกจากบรรยากาศจะวิเศษเหมือนเที่ยวอยู่กลางสรวงสวรรค์เพราะเป็น ช่วงฤดูหนาวที่อากาศเย็นสบายกำลังดีแล้ว ก็ยังจะเป็นช่วงที่ทางจ.ชัยภูมิร่วมกับททท.เขาจัดงานเทศกาลดอกไม้บานชูช่อ ที่มอหินขาวเป็นประจำทุกปีอีกด้วย
ลองเปลี่ยนบรรยากาศจากการตั้งตารอขึ้นภูอื่นๆ ที่ใครๆ เขาก็แห่กันขึ้นไปชมจนแน่นแทบไม่มีที่ให้เดิน มาเพลิดเพลินกับภูแลนคาที่ยังคงความเรียบง่าย แล้วยังได้ความรู้จากการศึกษาธรรมชาติที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์ อาจทำให้เรารักและหวงแหนธรรมชาติและสิ่งแวดล้มของไทยมากขึ้นกว่าการมาตักตวง ความสุขกลับไปอย่างเดียวก็เป็นได้

ประวัติเมืองชัภูมิ

ประวัติ "เมืองชัยภูมิ"

สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี “เมืองชัยภูมิ” ปรากฏในทำเนียบแผ่นดินสมเด็จ พระนารายณ์มหาราช เป็นเมืองขึ้นกับเมืองนครราชสีมา แต่ต่อมาผู้คนได้อพยพออกไปตั้งหลักแหล่งทำมาหากินที่อื่น และได้ถูกปล่อยไว้เป็นเมืองร้าง“เมืองชัยภูมิ” ปรากฏชื่ออีกครั้งในสมัยรัชกาลที่ ๒ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ พ.ศ. ๒๓๖๐ “นายแล” ข้าราชการสำนักเจ้าอนุวงศ์เมืองเวียงจันทร์ ได้อพยพครอบครัวและบริวารเดินทางข้ามลำน้ำโขงมาตั้งถิ่นฐานอยู่ที่บ้านหนอง น้ำขุ่น(หนองอีจาน) อยู่ในบริเวณท้องที่อำเภอ สูงเนิน จังหวัดนครราชสีมาในปัจจุบัน ปี พ.ศ. ๒๓๖๒ เมื่อมีคนอพยพเข้ามาอยู่มาก นายแลก็ได้ย้ายชุมชนมาตั้งใหม่ที่บ้านโนนน้ำอ้อม บ้านชีลอง ห่างจากตัวเมืองชัยภูมิ ๖ กิโลเมตร นายแล ได้เก็บส่วย ผ้าขาว ส่งไปบรรณาการเจ้าอนุวงศ์เวียงจันทร์ จนได้รับบำเหน็จความชอบแต่งตั้งเป็น “ขุนภักดีชุมพล” ในปี พ.ศ. ๒๓๖๕ นายแลได้ย้ายชุมชนอีกเนื่องจากที่เดิมกันดารน้ำ มาตั้งใหม่ที่บริเวณบ้านหลวง ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างหนองปลาเฒ่ากับหนองหลอด เขตอำเภอเมืองชัยภูมิในปัจจุบัน และได้มาขึ้นตรงต่อ เมืองนครราชสีมา และส่งส่วยทองคำถวายแด่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ไม่ยอมขึ้นต่อ เจ้าอนุวงศ์เวียงจันทร์อีกต่อไป จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้ายกบ้านหลวง เป็นเมืองชัยภูมิ และแต่งตั้ง ขุนภักดีชุมพล (แล) เป็น “พระยาภักดีชุมพล” เจ้าเมืองคนแรกของเมืองชัยภูมิ
เจ้าอนุวงศ์เวียงจันทร์ได้ก่อการกบฏยกทัพเข้ามาหมายจะตี กรุงเทพฯ โดยหลอก หัวเมืองต่างๆ ที่เดินทัพมาว่าจะมาช่วยกรุงเทพฯ รบกับอังกฤษ จนกระทั้งเจ้าอนุวงศ์สามารถยึดเมืองนครราชสีมาได้เมื่อปี พ.ศ. ๒๓๖๙ ตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ต่อมาเมื่อความแตก เจ้าอนุวงศ์เวียงจันทร์ได้กวาดต้อนชาวเมืองนครราชสีมาเพื่อนำไปยังเมือง เวียงจันทร์ เมื่อไปถึงทุ่งสัมฤทธิ์หญิงชายชาวเมืองที่ถูกจับโดยการนำของคุณหญิงโม ภรรยาเจ้าเมืองนครราชสีมาได้ลุกฮือขึ้นต่อสู้ พระยาภักดีชุมพลเจ้าเมืองชัยภูมิ พร้อมด้วยเจ้าเมืองใกล้เคียงได้ยกทัพออกไปสมทบกับคุณหญิงโม ตีกระหนาบทัพเจ้าอนุวงศ์เวียงจันทร์จนแตกพ่ายไป
กองทัพลาวส่วนหนึ่งล่าถอยจากเมืองนครราชสีมาเข้ายึดเมือง ชัยภูมิไว้ และเกลี้ยกล่อมให้ พระยาภักดีชุมพล(แล)เข้าร่วมเป็นกบฏด้วย แต่พระยาภักดีชุมพลไม่ยอม เจ้าอนุวงศ์เวียงจันทร์ เกิดความแค้นจึงจับตัวพระยาภักดีชุมพลมาประหารชีวิตที่บริเวณใต้ต้นมะขาม ใหญ่ริมหนองปลาเฒ่า ซึ่งต่อมาชาวชัยภูมิได้ระลึกถึงคุณความดีที่ท่านมีความชื่อสัตย์และเสียสละ ต่อแผ่นดินจึงได้พร้อมใจกัน สร้างศาลขึ้น ณ บริเวณนั้น และชาวชัยภูมิได้สร้างศาลเพิ่มเป็นศาลาทรงไทย “ศาลาพระยาภักดีชุมพล(แล)” มีรูปหล่อของท่านอยู่ภายใน เป็นที่เคารพกราบไหว้ และถือเป็นปูชนียสถานศักดิ์สิทธิ์ แห่งหนึ่งของจังหวัด ตั้งอยู่ห่างจากศาลากลางจังหวัดชัยภูมิ ประมาณ ๓ กิโลเมตร