วันอาทิตย์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

หนาวที่นี้ชัยภูมิ

ชัยภูมิต้นหนาว เรื่องราวน่ารู้ ณ แดนอีสาน


ชัยภูมิตั้งอยู่บนแผ่นดินอีสาน อยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 342กิโลเมตร ห่างโคราช 120 กิโลเมตร นักเดินทางส่วนหนึ่งรู้ว่าชัยภูมิมีแหล่งท่องเที่ยวสำคัญอยู่หลายแห่ง ส่วนนักท่องที่ยวที่ไม่ซึมซับอีสาน หรือไม่ใยดีเมืองขนาดกลางแห่งนี้นึกไม่ออกว่าเมืองชัยภูมิมีอะไรให้ติดตาม


เรื่องเริ่มหรือเริ่มเรื่อง ต้องเริ่มจากที่ตั้งของเมือง ไม่น่าเชื่อว่าเมืองชัยภูมิถูกโอบกอดด้วยขุนเขา หากอยู่ในตึกสูงใจกลางเมืองจะพบว่ามีเขาล้อมเมือง มองไปทางไหนเห็นแต่ภูเขา ด้วยเหตุนี้ชัยภูมิจึงเต็มไปด้วยสายลม สายน้ำ สายหมอก สายธาร มีแหล่งท่องเที่ยวกระจายอยู่ทั่วทุกทิศ อาทิ น้ำตกตาดโตน มอหินขาว ทุ่งกระเจียว อุทยานแห่งชาติไทรทอง อุทยานแห่งชาติภูแลนคา ป่าเทพสถิต และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว

น้ำตกตาดโตนเป็นน้ำตกขนาดใหญ่มีน้ำรินไหลตลอดปี ช่วงที่ดีที่สุดคือช่วงนี้ (ปลายตุลาคม-ต้นพฤศจิกายน) ช่วงนี้เป็นช่วงต้นหนาว น้ำยังเต็มปริ่ม ใสสะอาด ภายในบริเวณน้ำตกตาดโตนร่มรื่นไปด้วยพันธุ์ไม้น้อยใหญ่ มีไม้ทุกชนิด เริ่มตั้งแต่ไม้พุ่มไม้คลุมดิน ไม้ยืนต้น ไม้อิงอาศัย เฟิร์น และกล้วยไม้

อุทยานแห่งชาติไทรทอง อุทยานฯ แห่งนี้มีน้ำใสไหลริน มีผีเสื้อหลากสายพันธุ์ มีความสูงพอให้เหน็บหนาว มีความเป็นป่าอีสานชัดเจน ขณะเดินเท้ามาบนไหล่เขามองเห็นพื้นที่ราบต่ำอยู่ไกลออกไป ตามริมผาเกิดเป็นจุดชมวิวหลายจุด จุดที่มีชื่อเสียงและกลายเป็นจุดแวะพักยอดนิยมคือ “ผาหำหด” หดเพราะความเย็นจากไอชื้นและแรงลมนั่นเอง

จากริมผาบ่ายหน้าเข้ากลางขุนเขา ถ้ามาหน้าฝนจะพบว่าอุทยานฯ ไทรทองมีดอกกระเจียวเบ่งบานเต็มไปหมด มันผุดพรายบนผืนดินชุ่มถึงสี่ทุ่ง แต่ละทุ่งมีกระเจียวต่างพันธุ์ ต่างสวย ต่างสี ต่างมีความงามที่น่าสัมผัสเช่นกัน

ตั๊กแตน เป็นอีกหนึ่งชีวิตในผืนป่าไทรทอง พบเห็นได้ง่ายตามชายป่า เป็นสัตว์ที่อยู่ในระบบนิเวศน์ช่วยควบคุมพืชไม่ให้เจริญเติบโตเร็วเกินไป การที่พวกมันกัดกินพืชจึงไม่ใช่สิ่งที่เลวร้ายอย่างที่มนุษย์คิดเสมอไป มุมดีของแมลงมักถูกลืม เหมือนนักดนตรีบางคนยืนโซโลกีต้าร์อยู่ในมุมมืด ปล่อยให้เพื่อนๆ ด้านหน้าเวทีโลดแล่นไป

แมลงทับกับหยาดน้ำค้าง ความงามในไพรป่า ความงามที่ต้องคอยมองหา ต้องพึ่งพาการสังเกตุ หากเดินดุ่มๆ ไม่ได้ใส่ใจอะไรอาจไม่คุ้มค่าต่อการไปเยือนผืนป่าไทรทอง

มอหินขาว อยู่ไม่ไกลจากตัวน้ำตกตาดโตนมากนัก เส้นทางไปมอหินขาวเป็นทางขึ้นเขา ผ่านหมูบ้านขนาดเล็ก ผ่านป่าโปร่ง เป็นเส้นทางสายแคบที่น่ามอง มองเห็นบ้านของเกษตรกรเรียงรายอยู่ตามเชิงเขา มองเห็นวิถีที่เป็นไป วิถีดังกล่าวต่างจากคนเมืองใหญ่โดยสิ้นเชิง คนเมืองบางคนอาจไม่รู้วิถีที่แท้จริง โปรดอย่าเอาอะไรไปใส่กบาลเขาจนมึนงง (เขาจะทำตัวไม่ถูกในที่สุด)

มอหินขาว ชื่อนี้มีที่มา มาจาก “มอ”+ “หินขาว” มอ=ที่สูง หินขาว=แท่งหิน รวมกันแล้วหมายถึงแท่งหินขาวบนเขา สิ่งที่น่าอัศจรรย์ใจสำหรับสถานที่นี้คือแท่งหินสูงใหญ่ ยืนทะนงถ้าลมฝนมานานกว่า 175 ล้านปี
หินขาวถูกสายลมกับเม็ดฝนกัดกินจนผิวกร่อน ก่อเกิดเป็นร่องรอยอันงดงามตามผิวชั้นนอก ความสูงใหญ่ของก้อนหินสอดรับกับแสงแดดยามเย็น มันดูน่าเกรงขาม บางคนอาจนึกเตลิดไปถึงสโตนเฮนจ์บนเกาะอังกฤษ

ผมชอบมอหินขาวช่วงต้นหนาว อากาศเย็นเยียบ ไม่ถึงกับหนาวมาก สะท้านบ้างบางเวลาหากมีลมแรงพัดพาไอเย็นมาสัมผัสผิวเนื้อ ที่ชอบฤดูนี้เพราะรอบๆ มอหินขาวมีดอกหญ้าชูช่อล้อลมโอนเอนไปมาราวเริงระบำ ต้นสาบแร้งสาบกาไม่ยอมน้อยหน้าส่งดอกสีม่วงขนาดเล็กมาอวดโฉม นอกจากนั้นยังมีไม้งามขนาดเล็กอีกหลายสายพันธุ์หลบซ่อนอยู่เงียบๆ (ได้ข่าวว่าผู้บริหารหรือผู้ดูแลที่นี่จะสั่งทิวลิปมาปลูก เห็นว่าไม่ควร ดอกไม้พันธุ์ไม้ที่รายล้อมเหมาะสมกันดีอยู่แล้ว ที่สำคัญมันอยู่ร่วมกันมานานนม นึกไม่ออกว่าทิวลิปกับมอหินขาวจะเข้ากันได้อย่างไร)

นอกจากความงามในแหล่งธรรมชาติตามที่ได้กล่าว สิ่งที่น่าสนใจอีกด้านหนึ่งคือวัฒนธรรมประเพณี ชัยภูมิเหมือนเมืองอื่นๆ มีวันสำคัญตามม่านประเพณี แต่ที่แปลกไปกว่าคือเทศกาลงานออกพรรษาที่อำเภอหนองบัวแดงมี “งานประเพณีบุญแห่กระธูป” ประเพณีที่ไม่ปรากฏในถิ่นอื่น (แล้ว) ปัจจุบันงานนี้มีที่ชัยภูมิที่เดียวเท่านั้น

งานประเพณีแห่กระธูปในปัจจุบันมีการปรับเปลี่ยนหน้าตาไปมาก จากเดิมชาวบ้านใช้ขุยกาบมะพร้าว ใบอ้ม ใบเนียม บดรวมกัน นำมาเป็นเนื้อธูป (มีกลิ่นหอม) พันตกแต่งด้วยกระดาษสี นิยมทำเป็นลายไทยอีสาน แล้วนำไปมัดหรือเย็บติดกับดาวที่สานจากใบลาน นำไปร้อยเข้ากับปลายไม้ไผ่คล้ายปลายเป็ด สุดท้ายนำไม้ไผ่นี้ไปเสียบกับต้นไผ่อีกทีหนึ่ง (ดูเก้งก้างแต่น่ารักดี)

แต่เดิมทำต้นกระธูปเล็กบ้างใหญ่บ้าง ทำกันทุกครอบครัว ถึงวันออกพรรษานำไปปักที่วัด จุดธูป ธูปส่งกลิ่นหอม หอมขึ้นไปถึงสรวงสวรรค์ นัยว่าทำเพื่อรับองค์สัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จลงมาจากดาวดึงส์ ใต้ต้นกระธูปใช้ลูกดุมกาผ่าสองซีก ใส่น้ำมันหอม เช่น น้ำมันงาลงไป ควั่นด้ายเป็นรูปตีนกา จุดไฟให้สว่างไสวใต้ต้นกระธูป

ปัจจุบันต้นกระธูปใช้ธูปสำเร็จมัดธูปสามดอกรวมกันเป็นหนึ่ง มีการดีไซน์ให้ใหญ่ขึ้น โตขึ้น มีสีสันมากขึ้น การจัดการประกวดต้นกระธูปของแต่ละตำบลมีการร่วมแรงร่วมใจของคนในชุนชน ไม่ว่าจะเด็กหรือเฒ่าชราล้วนออกมาช่วยกัน ช่วยด้วยแรง ช่วยด้วยใจ ช่วยด้วยรอยยิ้ม งานบุญใหญ่อย่างนี้ไม่ใครปฏิเสธครับ

ลีลาเริงระบำรำฟ้อนกลางแดดระอุช่วยผ่อนคลายให้ใจเย็นกายเย็น เห็นความร้อนเป็นเพียงของเล่น ความอ่อนช้อยของนางรำคือของจริง งามจริงแม่หญิงงาม งามตามต้นกระธูปในวันออกพรรษา

ผู้แสวงบุญ ผู้รักความเงียบสงบ รักการปฏิบัติสมาธิ อาจหลงใหลไออุ่นของอรุณธรรมสถาน สถานที่ปฏิบัติธรรมบนยอดเขา ไม่น่าเชื่อบนนี้มีเพียงเสียงนก เสียงลม เสียงฟ้าเท่านั้นที่สอดแทรกเสียงบทสวด

ณ อรุณธรรมสถาน เรามองเห็นทัศนียภาพขุนเขาได้รอบกาย ห่างออกไปไม่ไกลมีอ่างเก็บน้ำขนาดเล็กทอดตัวอยู่ในหุบเหวเบื้องล่าง นอกจากพระธรรมชำระใจ ทัศนียภาพธรรมชาติยังช่วยชำระด้วย (ชำระอีกทางหนึ่ง)


กี่ทอผ้าที่แม่กับป้าใช้มือเกี่ยวกระตุกทุกเมื่อเชื่อวันเปลี่ยนผันเป็น ผ้าหลากหลายลวดลาย บ้างผืนเล็ก บ้างผืนใหญ่แล้วแต่กำหนด ผ้าขาวม้าเป็นผ้าชนิดหนึ่งที่นิยมชมชอบกันมานาน ใช้ประโยชน์ได้สารพัน คนอีสานส่วนหนึ่งนำมาทำเปลสำหรับเด็ก ยามเมื่อเปลผ้าขาวม้าแก่วงไกวเด็กหลับใหลไม่งองแง

นาข้าวเขียวเข้มตกเมล็ดสีทองสุกปลั่งเป็นภาพที่พบเห็นกันโดยทั่วไป นาข้าวต้นเขียวให้ผลผลิตเป็นเมล็ดสีดำพบเห็นไม่ง่ายนัก ชัยภูมิเป็นอีกเมืองหนึ่งที่ผลิตข้าวเหนียวดำออกสู่ตลาด ให้ประชาชนคนในชาติได้อิ่มหนำกันถ้วนหน้า

ความงามตามธรรมชาติที่ได้พบได้เห็นบนแผ่นดินนี้เป็นความงามที่แปรเปลี่ยน ไป ฤดูหนึ่งเป็นแบบหนึ่ง อีกฤดูหนึ่งเป็นอีกแบบหนึ่ง หนาวนี้ถ้าคิดอะไรไม่ออกลองก้าวเท้าไปเยือนชัยภูมิสักครั้ง ถึงตอนนั้นอาจเข้าใจป่าอีสาน ณ ชัยภูมิมากขึ้น
ขอขอบคุณทุกท่านที่สละเวลาเข้ามาเยี่ยมชม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น